Skip to content

ลายเซ็นที่ดี

ลายเซ็นที่ดีเป็นอย่างไร?

หลักในการชี้วัดว่าลายเซ็นดีหรือไม่ มีหลักการมากมายหลายสูตร มีที่มาจากหลายสำนัก หลายอาจารย์ วิชาของอาจารย์ส่วนใหญ่ก็ว่าไว้ตรงกัน แต่วิชาของอาจารย์หลายๆท่านก็มีข้อขัดแย้งกันอยู่เหมือนกัน ทำให้เกิดความสับสนในหมู่คนทั่วไปที่ต้องการหาวิธีเซ็นลายเซ็นที่ดีในอินเตอร์เน็ต เราได้คัดเฉพาะหลักการจากอาจารย์ที่มีประวัติน่าเชื่อถือได้มากที่สุด และมีข้อโต้แย้งน้อยที่สุด มาให้คุณได้นำไปใช้กับลายเซ็นของคุณเอง

อักษรตัวแรกต้องใหญ่

ลายเซ็นที่ดีอักษรตัวแรกต้องใหญ่

ส่วนที่สำคัญมากในลายเซ็นคืออักษรตัวแรก หากเปรียบทั้งตัวลายเซ็นเป็นเสมือนเรือที่ใช้เดินไปในเส้นทางของชีวิต อักษรตัวแรกก็เปรียบเสมือนเป็น “หัวเรือ” ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของเรือแต่ละลำ

อักษรตัวแรกนี้เป็นตัวตนของคุณ เป็นจิตวิญญาณของคุณ การเซ็นอักษรตัวแรกเป็นการพรีเซนต์ตัวตนของคุณให้ชาวโลกได้รับรู้ว่าคุณมีดีอะไร ถ้าหากเซ็นตำแหน่งนี้เล็กเกินไปคนรอบข้างก็จะไม่เห็นหัวคุณและทำเหมือนคุณไม่มีตัวตน ไม่มีความสำคัญ ดังนั้นคุณจึงต้องเซ็นอักษรตัวแรกให้ใหญ่ที่สุด

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคุณคงคิดว่า เซ็นให้ใหญ่สุดๆไปเลยแล้วกัน เราต้องขอเตือนว่าอย่า เพราะการเซ็นหัวมังกรใหญ่เกินไปก็เหมือนคนที่ชอบเสนอหน้าพูดจาไร้กาลเทศะตามงานสำคัญ ทำเหมือนตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล แทนที่คนจะน่าชื่นชมกลายเป็นน่าหมั่นไส้แทน ดังนั้นเซ็นให้ใหญ่แต่อย่าใหญ่มากจนน่าเกลียด

ลายเซ็นห้ามมีเส้นตัดตาย

ลายเซ็นที่ดีห้ามมีเส้นตัดตาย

เส้นตัดในลายเซ็นเปรียบได้กับการทำร้ายตัวเอง หากลายเซ็นมีเส้นตัดตรงไหนปัญหาก็จะเกิดตรงนั้น หากลายเซ็นมีเส้นตัดที่อักษรตัวแรก(หรือหัวมังกรตามที่อธิบายในข้อ1) ก็จะเกิดความเสียหายแก่ตัวผู้เซ็น ตั้งแต่อาการเจ็บป่วย หรือ โดนคนอื่นทำร้ายทั้งร่ายกายและจิตใจ

แต่ไม่ใช่เส้นตัดทุกเส้นจะไม่ดีเสมอไป เส้นตัดแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ เส้นตัดเป็นและเส้นตัดตาย เส้นตัดที่ก่อให้เกิดความเสียหายคือเส้นตัดตายเท่านั้น หากใครที่เซ็นเป็นเส้นตัดอยู่ อย่าเพิ่งเครียดว่าจะทำให้ชีวิตเสียหาย ให้เช็คว่าเส้นตัดในลายเซ็นของคุณเป็นเส้นตัดเป็นหรือเส้นตัดตายก่อนแล้วค่อยตัดสินใจแก้ไข

เส้นตัดเป็นคือเส้นตัดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อย่างเช่น อักษร “ห” “ม” “น” มีเส้นตัดอยู่แล้ว หรือการเซ็นที่ตัดโดยธรรมชาติของจังหวะมือ เช่น หางของ “ส” ที่พันเป็นวงก็นับเป็นเส้นตัดเป็นที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสียเช่นกัน

เส้นตัดตายคือเส้นตัดที่เกิดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เช่น การขีดฆ่าผ่ากลางเกินครึ่งหนึ่งของลายเซ็น ตามปกติแล้วเส้นตัดตายจะเกิดขึ้นได้ยากมาก ต้องเซ็นมาจากมือของคนที่มีความทุกข์หรือปัญหาในชีวิตมากจริงๆจึงจะเซ้นเส้นตัดตายออกมาจากจิตใต้สำนึกได้

ลายเซ็นที่ดีต้องเฉียงขึ้นไปทางด้านขวา

ลายเซ็นที่ดีต้องเฉียงขึ้นไปทางขวา

ลายเซ็นที่เฉียงขึ้นไปทางด้านขวาเป็นการพุ่งขึ้นไปสู่ขอบฟ้า ปล่อยความผิดพลาดไว้เบื้องหลังเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่สดใสกว่า เป็นลักษณะของคนมองโลกในแง่ดี มองปัญหาก็จะเห็นเป็นโอกาส มองความผิดพลาดก็จะเห็นเป็นประสบการณ์อันมีค่า ดังนั้นลายเซ็นควรเซ็นให้เฉียงขึ้นไว้เป็นการดี

แต่ระวังอย่าให้เฉียงเกินไป เพราะจะทำให้จิตใจไม่อยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง จะกลายเป็นคนเพ้อฝันที่ชอบสร้างวิมานในอากาศแต่ไม่ลงมือทำจริง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้เรามีกฎง่ายๆคือให้เซ็นเฉียงไม่เกิน 45 องศาถือว่าใช้ได้

ต้องมีจุดในลายเซ็น

ลายเซ็นที่ดีต้องมีจุด

การจุดคือ “ตัวคูณ” ในลายเซ็น หากลายเซ็นของคุณเป็นลายเซ็นเสริมดวง การจุดลงในลายเซ็นจะทำให้การเสริมดวงนั้นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ในทางกลับกัน หากคุณจุดลงในลายเซ็นที่ไม่ดี ผลเสียก็จะเกิดขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกัน ดังนั้น คุณต้องมั่นใจว่าลายเซ็นของคุณเป็นลายเซ็นที่ดีก่อนจึงจะจุดเพิ่มลงไปในลายเซ็นได้

ตำแหน่งของจุดในลายเซ็นก็สำคัญ หากต้องการเพิ่มพลังของลายเซ็นตรงไหนก็ให้จุดไว้ตรงนั้น เช่น หากต้องการให้บริวารเชื่อฟังคำสั่งก็จุดไว้ที่ตำแหน่งบริวาร(ตำแหน่งหลังอักษรตัวแรก) แต่ถ้าคุณคิดไม่ออกว่าจะจุดตรงไหนดี เราแนะนำให้จุดไว้หลังลายเซ็นเพื่อเสริมพลังโดยรวม

ห้ามเซ็นให้ตัวอักษรเอนไปทางซ้าย

ลายเซ็นที่ดีห้ามอักษรเอนซ้าย

ตัวอักษรเอนไปทางซ้ายเป็นการตอกย้ำให้จิตใจให้จมอยู่กับความผิดพลาดในอดีต ทำให้ชีวิตไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ เมื่อโอกาสดีๆในการเปลี่ยนแปลงชีวิตลอยมาถึงตัวก็ไม่กล้าที่จะคว้าไว้ เพราะกลัวว่าจะทำพลาดจนเกิดความเสียหายหนักกว่าเดิม บางคนเซ็นเอนซ้ายมากจนทำให้เป็นคนเก็บตัวไม่กล้าเข้าสังคมเลยก็มี

หากคุณเซ็นอักษรเอนซ้ายคุณควรเปลี่ยนเป็นเซ็นอักษรให้เอนไปทางขวา เพื่อส่งเสริมความกล้าได้กล้าเสีย  คุณไม่ต้องกังวลว่าชีวิตจะมีความเสี่ยงมากเกินไป เพราะหากความเอียงของตัวอักษรอยู่ในระดับที่เหมาะสม(เอนขวาไม่เกิน 45 องศา) ก็จะส่งผลให้คุณกล้าเสี่ยงอย่างชาญฉลาด เวลาได้ก็จะได้มาก เวลาเสียก็จะเสียน้อย

ต้องมีจุดรับทรัพย์(เช่น ถุงเงิน)ในลายเซ็น

ลายเซ็นที่ดีต้องมีจุดรับทรัพย์

จุดรับทรัพย์เป็นเครื่องมือช่วยดึงดูดเงินทองเข้ามาสู่ตัวเจ้าของลายเซ็น จุดรับทรัพย์ในลายเซ็นมีอยูหลายชนิด แต่ในบทความนี้เราขอพูดถึงเฉพาะจุดรับทรัพย์ชนิดที่นิยมที่สุดในการออกแบบลายเซ็น นั่นก็คือถุงเงินนั่นเอง

ถุงเงินจะต้องมีลักษณะเป็นแอ่งหงายในลายเซ็น คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าต้องเป็นแอ่งโค้งเท่านั้น แต่จริงๆแล้วจะเป็นแอ่งโค้งหรือแอ่งเหลี่ยมลักษณะเหมือนกับกล่องเปิดก็ได้ แต่ที่สำคัญคือถุงเงินต้องมีขนาดที่ใหญ่พอสมควร หากถุงเงินเล็กเกินไปก็จะเก็บทรัพย์ได้น้อยลง หากจะให้ชี้ชัดว่าต้องใหญ่แค่ไหน เรามีกฎง่ายๆว่าถุงเงินต้องใหญ่กว่าตัวอักษรตัวที่เล็กที่สุดในลายเซ็น

ตำแหน่งของถุงเงินก็มีความสำคัญเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะแนะนำให้ใส่ถุงเงินไว้ในชื่อ เพราะตำแหน่งชื่อคือตัวของเราเอง เงินที่ไหลเข้าก็จะกลายเป็นเงินของเรา แต่สำหรับบางคนตัวอักษรในชื่อแปลงรูปเป็นถุงเงินยากมาก จึงอาจต้องใส่ถุงเงินไว้ในตำแหน่งนามสกุล ถามว่าทำได้ไหม? ได้…แต่เงินที่คุณได้มาจะกลายเป็นเงินกองกลางให้คนในครอบครัวร่วมใช้ด้วย

สำหรับคนที่ชื่อไม่เหมาะจะใส่ถุงเงินจริงๆก็อย่าเพิ่งน้อยใจ หรือรีบไปเปลี่ยนชื่อให้มีตัวอักษรจำพวก “ป” หรือ “บ” ที่เป็นแอ่งรับทรัพย์โดยธรรมชาติ ยังมีลายเซ็นคนรวยหลายคนที่ต่อให้ไม่มีถุงเงินก็รวยได้ เพราะยังมีจุดรับทรัพย์ในลายเซ็นชนิดอื่นๆอีกมากมายที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าถุงเงิน

ห้ามมีจุดทรัพย์รั่วไหลในลายเซ็น

ลายเซ็นที่ดีห้ามมีจุดทรัพย์รั่ว

จุดทรัพย์รั่วไหลเป็นจุดที่ทำให้เก็บเงินไม่อยู่ หาเงินมาได้ก็มีเหตุกวนใจให้ต้องจ่ายเงินออกไปหมด ตั้งแต่เรื่องจุกจิกอย่างจู่ๆมือถือก็เสียเอาดื้อๆทำให้ต้องเสียเงินซื้อใหม่ ไปจนถึงเรื่องลำบากใจอย่างญาติพี่น้องมาคุกเข่าร้องไห้อ้อนวอนขอยืมเงิน

ตัวอย่างจุดทรัพย์รั่วไหลที่พบเจอได้บ่อยที่สุดก็คือ “สระอุ” แม้ว่าตามปกติแล้วสระอุในลายเซ็นจะไม่ได้มีผลเสียอะไร แต่ธรรมชาติในการเซ็นสระอุเป็นเส้นดิ่งลงด้านล่างที่เซ็นง่าย เมื่อเซ็นด้วยความใจร้อนจะทำให้เป็นเส้นที่ดิ่งลงด้านล่างยาวเกินไป ซึ่งเส้นที่ดิ่งลงด้านล่างยาวๆแบบนี้เปรียบเสือนก๊อกน้ำที่ทำให้ทรัพย์สินเงินทองไหลออกจากตัวได้